วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557

วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

 

 

                วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
 

 


                 วิทยาศาสตร์เป็นการศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเรา ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ส่งผลให้เราสามารถดูแลสุขภาพได้ดีขึ้นและมีความเข้าใจเกี่ยวกับการโภชนาการ ผลจากการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทำให้เรามีความเป็นอยู่อย่างสะดวกสบาย เช่นเราจะรู้สึกว่าไม่มีความสุขหากอากาศร้อนมากวิทยาศาสตร์ช่วยให้เรามีพัดลมหรือแอร์ เราได้รับความบันเทิงทางเทคโนโลยีเช่นทีวี วิทยุ เป็นต้น เราสามารถเก็บข้อมูลได้มากมายเรียกใช้ข้อมูลประมวลความรู้และสื่อสารข้อมูลไปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็วจากเครื่องคอมพิวเตอร์ วิทยาศาสตร์ช่ายให้เราเข้าใจตัวเองและโลกรอบตัว ความยิ่งใหญ่
และความซับซ้อนของธรรมชาติทำให้เราพยายามอธิบายเพื่อสร้างความเข้าใจและแสวงหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวในจักรวาล ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทำให้เราเกิดความตระหนักมากขึ้นและพยายามที่เขียนอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล เด็กเล็กๆมีธรรมชาติที่เป็นผู้ความอยากรู้อยากเห็น ชอบใช้คำถามว่า ทำไม อย่างไรสามารถแสวงหาความรู้จากสิ่งต่างๆรอบตัวเขาและเริ่มเข้าใจสภาพแวดล้อมที่เขาอาศัยอยู่ เด็กสามารถสังเกตและสื่อสารเกี่ยวเรื่องดิน หิน อากาศและท้องฟ้า เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุ พลังงานจากแม่เหล็ก แสงและเสียง เด็กสามารถสำรวจลักษณะของน้ำและความร้อน สิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กปฐมวัยเริ่มการทำงานทางวิทยาศาสตร์ เด็กสามารถแก้ปัญหาต่างๆ
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการเรียนรู้เรื่องอื่นๆได้มากมาย กิจกรรมวิทยาศาสตร์ส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญาโดยทำให้เด็กได้รับความรู้ พัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เช่น การสังเกต การจำแนกประเภท การเรียงลำดับ การวัด การคาดคะแน และการสื่อสาร รวมทั้งทักษะการแสวงหาความรู้ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ทำให้เด็กสนใจวัตถุและเหตุการณ์ เด็กเล็กมีวิธีการเรียนรู้คล้ายนักวิทยาศาสตร์สามารถทำงานด้วยทักษะการแสวงหาความรู้ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และพัฒนาการทางอารมณ์เช่น เด็กมีความรู้สึกและเจตคติทางบวก วิทยาศาสตร์หมายถึงการสืบค้นและอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ              สภาพแวดล้อมและร่างกายมนุษย์ หรือวิทยาศาสตร์หมายถึง ความรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆในธรรมชาติ โดยได้จากการศึกษาค้นคว้าอย่างมีขั้นตอนและมีระเบียบแบบแผน ความรู้ของข้อมูลต่างๆ ที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบสามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อมีหลักฐานและข้อมูลเพิ่มเติมขึ้นจากการค้นพบใหม่ที่เป็นปัจจุบันและที่ดีกว่าคือ ตัวอย่างและข้อมูลที่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่สามารถทดสอบได้ มีขอบเขต มีระเบียบกฎเกณฑ์ มีการสังเกตการจดบันทึกการตั้งสมมติฐาน และอื่นๆ วิทยาศาสตร์มีขอบข่ายการศึกษาค่อนข้างกว้างขวาง แต่โดยสรุปแล้วก็คือ การศึกษาธรรมชาติของสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา ซึ่งอาศัยกระบวนการค้นคว้าหาความรู้ที่มีขั้นตอนเป็นระเบียบแบบแผนตั้งแต่สมัยโบราณ มนุษย์พยายามเรียนรู้ทำความเข้าใจและอธิบายธรรมชาติของสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา อันได้แก่ พฤติกรรมการเปลี่ยนแปลง และปรากฏการณ์ต่างๆ จนนำไปสู่การกำหนดหลักการ กฎเกณฑ์ และทฤษฏี อันเป็นรากฐานของการศึกษาค้นคว้าแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น ชาร์ลส์ ดาร์วิน ได้ศึกษาธรรมชาติและพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต แล้วสรุปเป็นทฤษฎีวิวัฒนาการ แอลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ได้ศึกษาความธรรมชาติและความสัมพันธ์ของสสารกับพลังงาน จนได้มาเป็นทฤษฎีวิวัฒนาการ เป็นต้น 
 Katz and Chard (1986. อ้างอิงจาก Cliatt & Shaw. 1992 : 3-4 ) อธิบายวัตถุประสงค์การเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ว่า ทำให้เกิดความรู้ ทักษะต่างๆ การจัดการและ ความรู้สึก ความรู้ประกอบด้วย ความคิด ข้อเท็จจริง ความคิดรวบยอดและสารสนเทศ ทักษะประกอบด้วย พฤติกรรมทางร่างกาย สังคม การสื่อสารและการแสดงออกทาง
ปัญญาเช่น การเล่นและการทำงานคนเดียวหรือกับคนอื่นๆ การแสดงความคิดผ่านภาษาโดยการพูดและการเขียน การจัดการกับกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วยลักษณะนิสัยการทำงานด้วยความอดทน ความอยากรู้อยากเห็น การลงมือแสวงหาความรู้ด้วยการทดลองตามที่ได้วางแผนไว้ สนับสนุนให้ได้มาซึ่งความรู้ อัญชลี ไสยวรรณ(2547 :1-6 )กล่าวเพิ่มเติมว่ากิจกรรมวิทยาศาสตร์ทำให้เด็กเรียนรู้วิธีการเรียนและการสร้างความมั่นใจของเด็ก ลดความกลัวในสิ่งที่ยังไม่รู้ จะนำไปสู่ความรู้สึกประสบความสำเร็จ การสนับสนุนความอยากรู้ของเด็ก กิจกรรมวิทยาศาสตร์เพิ่มความสนใจและความอยากรู้อยากเห็นในการทำงานร่วมกันเพื่อหาคำตอบจากคำถามทางวิทยาศาสตร์
               
กิจกรรมวิทยาศาสตร์ในห้องเรียนเด็กปฐมวัยมีความสำคัญหลายประการ   ดังนี้
1. ส่งเสริมการเห็นคุณค่าของตนเองและมีความกระตือรือร้น (คือเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้)
2. ส่งเสริมการทำงานรายบุคคลและการคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาของเด็ก
3. ยอมรับรูปแบบการเรียนรู้จากวัสดุอุปกรณ์ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่เป็นธรรมชาติ การรับรู้และความพยายามของเด็กหลายคนจากการมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมมีความสำคัญต่อการรับรู้ชีวิต เรียนรู้ภาษาจากประสบการณ์การทำกิจกรรมวิทยาศาสตร์
4. เพื่อเป็นการช่วยอธิบายความเข้าใจด้วยตัวเองของเด็ก
5. ดูแลเอาใจใส่ต่อพฤติกรรมของเด็กที่ปรากฎ เช่น การแสดงความกังวลใจ เด็กที่เกิดความเบื่อ
6. กิจกรรมการค้นพบช่วยให้ผู้เรียนสนใจใฝ่รู้ อยากสืบค้นต่อไป
7. ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพทางสติปัญญาของเด็กจากการเรียนรู้ที่เด็กได้สัมผัสกับวัสดุอุปกรณ์ ทำให้เด็กมีแรงจูงใจในการทำกิจกรรมที่มีความยากขึ้น เด็กได้เรียนรู้ภาษาและเนื้อหาสาระแบบบูรณาการ เช่น วิธีการได้รับประสบการณ์ทางภาษาแบบธรรมชาติต่อการอ่าน วิธีการสอนแบบโครงการต่อการพัฒนาหลักสูตร การใช้ประสาทสัมผัส และการใช้กล้ามเนื้ออย่างเหมาะสมกับวัย

           
 
 
 
   ผู้แต่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัญชลี ไสยวรรณ

วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556

โรคฮิตที่มากับหน้าหนาว

โรคฮิตที่มากับหน้าหนาว

ฮัด...เช้ย!!!!






                 
    อย่าลืมนะคะ เตรียมพร้อมรับมือกับโรคภัย ในเด็กเล็กโดยเฉพาะที่เข้าโรงเรียนแล้วเมื่อลูกมีอาการป่วยดังกล่าวควรให้ลูกได้หยุดเรียน พบแพทย์ เป็นการลดการติดต่อของโรค เพราะเด็กๆจะไม่ค่อยรู้วิธีป้องกันตัวเอง เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกคุณและเด็กๆด้วยนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

"ตัวอย่างที่ดี มีค่ามากกว่าคำสอน"

'เด็ก' วันนี้คือ 'ผู้ใหญ่' ในวันหน้า


- เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า -
 
 
 
 
                   เคยได้ยิน ได้ฟัง หลายคน หลายตำรา กล่าวไว้ว่า "ตัวอย่างที่ดี มีค่ากว่าคำสอน" ถึงแม้ว่าตัวเราเอง จะยังไม่ได้เป็นพ่อแม่ หรือผู้ปกครองของใคร แต่ก็เห็นด้วยอย่างยิ่งยวดกับคำกล่าวในข้างต้น ในฐานะที่เคยเป็นลูกมาก่อน
 
"ถ้าอยากให้เด็ก โตมาเป็นผู้ใหญ่แบบไหน ก็ต้องปลูกฝังให้เขาเป็นแบบนั้นตั้งแต่เด็ก" เราคิดแบบนั้น
 
อยากให้เขาเป็น คนดี ~ ก็ชี้แนะว่าอะไรดี อะไรไม่ดี
อยากให้เขาเป็น คนมีเหตุผล ~ ก็ต้องพูดจากับเขาด้วยเหตุผล
อยากให้เขาเป็นคน ไม่เอาแต่ใจ ~ ก็อย่าตามใจเขามากเกินพอดี
อยากให้เขา รู้คุณค่าของเงิน ~ ก็อย่าเลี้ยงเขาด้วยเงิน
อยากให้เขาเป็น คนเข้มแข็ง ~ ก็สอนให้เขารู้จักช่วยเหลือตัวเอง
              ถ้าอยากให้เขาโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ และสามารถยืนอยู่ในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ พ่อแม่ ผู้ปกครองก็อย่ามีแต่คำพูด เพราะคำสั่งสอนที่ทรงพลังมากที่สุด คือ
 
 "การทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี"
 
 
 
โดย pavinee thepkhamram | วันที่ 18 มิถุนายน 2556 
 

วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สาระน่ารู้สำหรับครูอนุบาล

                      เก่ง - ดี - มีสุข คำว่า "เก่ง - ดี - มีสุข" เป็นคำที่เริ่มต้นจากฝ่ายการศึกษา ต่อมาได้มีผู้นำไปใช้อย่างแพร่หลายเพราะเป็นคำพูดง่ายติดปาก ต่อไปนี้เป็นความหมายของเก่ง-ดี-มีสุขในแง่ต่างๆ 

การศึกษา คำว่า เก่ง - ดี - มีสุข มีความหมายดังนี้
          เก่ง หมายถึง ความสามารถทางพุทธิปัญญา คือ ความรู้ความเข้าใจที่แจ่มแจ้งสามารถนำไปใช้ได้ วิเคราะห์เป็น สังเคราะห์ได้ประเมินได้อย่างเข้าใจ และรู้แจ้งตามศักยภาพ
ทักษะปฏิบัติ คือ มีความรู้แจ้งแล้วยังมีความชำนาญปฏิบัติได้เป็นอย่างดี ทั้งที่เป็นทั้งทักษะฝีมือและทักษะทางปัญญา
          ดี หมายถึง เป็นผู้มีเจตคตินิยมที่ดีทั้งต่อการเรียน ความเป็นอยู่ต่อบุคคล ต่อสังคมชุมชน และประเทศ
          มีสุข หมายถึง สนุกกับการเรียนและใคร่เรียนรู้ตลอดชีวิต

สุขภาพจิต
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุขให้ความหมายของคำว่า เก่ง - ดี - มีสุข กับความฉลาดทางอารมณ์ไว้ดังนี้
          ความฉลาดทางอารมณ์ หมายถึง ความสามารถทางอารมณ์ในการดำเนินชีวิตร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์และมีความสุข โดยมีองค์ประกอบความฉลาดทางอารมณ์ดังนี้
เก่ง หมายถึง ความสามารถในการรู้จักตนเอง มีแรงจูงใจ สามารถตัดสินใจแก้ป้ญหาและแสดงออกได้อย่างมีประสิทธิภาพรวมทั้งมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น ประกอบด้วยความสามารถดังต่อไปนี้

1. รู้จักและมีแรงจูงใจในตนเอง
  • รู้ศักยภาพตนเอง
  • สร้างขวัญและกำลังใจให้ตนเองได้
  • มีความมุมานะไปสู่เป้าหมาย
2. ตัดสินใจและแก้ปัญหา
  • รับรู้และเข้าใจปัญหา
  • มีขั้นตอนในการแก้ปัญหา
  • มีความยืดหยุ่น
3. มีสัมพันธภาพกับผู้อื่น
  • สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น
  • กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม
  • แสดงความคิดเห็นขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์
ดี หมายถึง ความสามารถในการควบคุมอารมณ์และความต้องกรของตนเอง รู้จักเห็นใจผู้อื่น และมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมประกอบด้วยความสามารถต่อไปนี้

1. ควบคุมอารมณ์และความต้องการของตนเอง

  • รู้อารมณ์และความต้องการของตนเอง
  • ควบคุมอารมณ์และความต้องการได้
  • แสดงออกอย่างเหมาะสม
2. เห็นใจผู้อื่น
  • ใส่ใจผู้อื่น
  • เข้าใจและยอมรับผู้อื่น
  • แสดงความเห็นอย่างเหมาะสม
3. รับผิดชอบ
  • รู้จักให้ / รู้จักรับ
  • รับผิด/ให้อภัย
  • เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
สุข หมายถึง ความสามารถในการดำเนินชีวิตอย่างมีสุข ประกอบด้วย

1. ภูมิใจในตนเอง

  • เห็นคุณค่าในตนเอง
  • เชื่อมั่นในตนเอง
2. พึงพอใจในชีวิต
  • มองโลกในแง่ดี
  • มีอารมณ์ขัน
  • พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่
3. มีความสงบทางใจ
  • มีกิจกรรมที่เสริมสร้างความสุข
  • รู้จักผ่อนคลาย
  • มีความสงบทางจิตใจ
สุขภาพ
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขให้ความหมายเก่ง ดี ในแง่ของสุขภาพ (จากคู่มือพ่อ-แม่ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, 2539)เก่ง หมายถึง แข็งแรง รู้จักคิดรู้จักช่วยตนเอง แก้ปัญหาและปรับตัวได้อย่างสร้างสรรค์

ดี หมายถึง จิตใจดี มีเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักควบคุมตนเองให้กระทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่างมีความสุข


เครดิต  เขียนโดย

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เตรียมเด็กปฐมวัย ก้าวไปสู่พลเมืองอาเซียน

“เตรียมตน เตรียมคน เตรียมงาน เตรียมความพร้อมของลูกหลานคือรากฐานของการพัฒนา” คำกล่าวนี้ยังใช้ได้กับกระแสอาเซียนในขณะนี้
  โดยเฉพาะการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับอาเซียนกระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดบทบาทการดำเนินงาน ด้านการต่างประเทศเชิงรุก โดยเน้นการกระชับความสัมพันธ์ และการขยายความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และในภูมิภาคเอเชีย ภายใต้กรอบความร่วมมือด้านต่างๆ โดยเฉพาะ "กรอบความร่วมมือด้านการศึกษาและได้กำหนดนโยบายการขับเคลื่อนการศึกษาในอาเซียนสู่เป้าหมายการจัดตั้งประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. 2558" ดังนโยบายต่อไปนี้
     นโยบายที่1 การเผยแพร่ความรู้ ข้อมูลข่าวสารและเจตนคติที่ดีเกี่ยวกับอาเซียนเพื่อเสริมสร้างความตระหนักเกี่ยวกับอาเซียน อัตลักษณ์อาเซียน และเตรียมความพร้อมของครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นักศึกษาและประชาชนเพื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียนภายในปี พ.ศ. 2558
     นโยบายที่ 2 การพัฒนาศักยภาพของนักเรียน และประชาชนให้มีทักษะที่เหมาะเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
     นโยบายที่ 3 การพัฒนามาตรฐานการศึกษาเพื่อส่งเสริมการหมุนเวียนของนักศึกษาและครูอาจารย์ในอาเซียน
     นโยบายที่ 4 การเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดเสรีการศึกษาในอาเซียนเพื่อรองรับการก้าวสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
     นโยบาย 5 การพัฒนาเยาวชนเพื่อเป็นทรัพยากรสำคัญในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
เนื่องจากการศึกษาเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทยและภูมิภาค ในความร่วมมือด้านการศึกษาอาเซียน ความร่วมมือดังกล่าวเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปการศึกษาของประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งประกอบด้วยการปรับปรุงในเชิงปริมาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายโอกาสทางการศึกษา การยกระดับคุณภาพการศึกษา การนำโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยี การสื่อสารเข้ามารองรับ ตลอดจนการบริหารจัดการทางการศึกษา
ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้เร่งพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยให้รู้จักวัฒนธรรม สังคม ความเป็นอยู่ของเพื่อนอีก 9 ประเทศ ที่จะสามารถก้าวสู่ประชาคมอาเซียนอย่างมั่นใจ โดยการดำเนินโครงการพัฒนาประชาคมสู่อาเซียน (Spirit of ASEAN) เพื่อรองรับการรวมกลุ่มของประเทศอาเซียน ในปี 2558 เช่น โรงเรียน Buffer School เป็นโรงเรียนที่อยู่ติดชายแดนกับประเทศสมาชิกอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ ลาว พม่า กัมพูชา และมาเลเซีย โรงเรียน Sister School เป็นโรงเรียนที่มีความพร้อม มีความเข้มแข็งทั้งในเรื่องของภาษาและ ICT ที่อยู่ในพื้นที่อื่น ๆ ที่ไม่ติดชายแดน แต่มีประสานสัมพันธ์กับอาเซียน 5 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และบรูไนเป็นต้น
      สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในเรื่องของหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ระดมความคิดจากผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหาสถาศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครูผู้สอน และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกำหนดกรอบแนวทางในการพัฒนาโรงเรียนเป็นการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นประชาคมอาเซียน โดยการกำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของเด็กไทยที่สอดรับกับประชาคมอาเซียน การวิเคราะห์หลักสูตรในส่วนของอาเซียนศึกษา การกำหนดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อให้สถานศึกษาสามารถพัฒนาผู้เรียนได้อย่างมีคุณภาพและแข็งแกร่งในประชาคมอาเซียน
คุณลักษณะของเด็กไทยในประชาคมอาเซียน กำหนดคุณลักษณะ 3 ด้าน ดังนี้
      1. ด้านความรู้
1.2.2 กฎบัตรอาเซียน
1.2.3 ประชาคมอาเซียน
1.2.4 ความสัมพันธ์กับภายนอกอาเซียน
2.1.1 สื่อสารได้อย่างน้อย 2 ภาษา (ภาษาอังกฤษ และภาษาประเทศเพื่อนบ้านอีกอย่างน้อย 1 ภาษา)
2.1.2 มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างสร้างสรรค์
2.1.3 มีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี
2.1.4 มีความสามารถในการทางานและอยู่ร่วมกับผู้อื่น
2.2 ทักษะพลเมือง/ความรับผิดชอบทางสังคม
2.2.1 เคารพและยอมรับความหลากหลายทางวัฒนธรรม
2.2.2 มีภาวะผู้นา
2.2.3 เห็นปัญหาสังคมและลงมือทาเพื่อนาไปสู่การเปลี่ยนแปลง
2.3 ทักษะการเรียนรู้และพัฒนาตน
3.3.1 เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน
3.3.2 มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนเรียนรู้
3.3.3 มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล มีวิธีคิดอย่างถูกต้อง
3.3.4 มีความสามารถในการจัดการ / ควบคุมตนเอง
     3. ด้านเจตคติ 3.1 มีความภูมิใจในความเป็นไทย/ ความเป็นอาเซียน
3.2 ร่วมกันรับผิดชอบต่อประชาคมอาเซียน
3.3 มีความตระหนักในความเป็นอาเซียน
3.4 มีวิถีชีวิตประชาธิปไตย ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล สันติวิธี /สันติธรรม
3.5 ยอมรับความแตกต่างในการนับถือศาสนา
3.6 ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง



        คุณลักษณะเด็กไทยในประชาคมอาเซียน
1.1 มีความรู้เกี่ยวกับประเทศอาเซียนในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม
1.2 มีความรู้เกี่ยวกับอาเซียน
1.2.1 จุดกำเนิดอาเซียน
     2. ด้านทักษะ/กระบวนการ
2.1 ทักษะพื้นฐาน

                 คุณลักษณะเด็กปฐมวัยก้าวไปสู่พลเมืองอาเซียน
เมื่อเราได้ทราบถึงคุณลักษณะเด็กไทยในประชาคมอาเซียน การเตรียมเด็กปฐมวัย ก้าวไปสู่พลเมืองอาเซียนในส่วนของปฐมวัย ขอให้เรายึดเป้าหมายของการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยให้ชัดเจน ให้เด็กปฐมวัยของไทยเราได้รับการส่งเสริมพัฒนาการให้พร้อมทุกด้าน และสิ่งที่ควรปลูกฝังให้กับเด็กปฐมวัยของเรา คือ ทักษะการคิด วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษา มีเหตุผล มีทักษะทางสังคม ทักษะชีวิต และที่สำคัญมีความรักในความเป็นไทยให้มากขึ้น
จากหลักการและแนวคิดสู่การนำไปใช้
การจัดกิจกรรมสำหรับเด็กปฐมวัยเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศและของอาเซียนนั้น เราสามารถบูรนาการกิจกรรมในสาระที่ควรเรียนรู้ทั้ง 4 สาระ / เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็กเช่น ฉันมีชื่อ นามสกุล เพื่อนๆสมาชิกอาเซียนก็มีชื่อ ฉันเรียนรู้ข้อตกลงต่างๆเพื่อนๆสมาชิกอาเซียน ฯลฯ /เรื่องเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก ฉันมีชุมชน วัฒนธรรม สถานที่ ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ เพื่อนๆสมาชิกอาเซียนก็มี ฯลฯ /ธรรมชาติรอบตัว ฉันมีสิ่งแวดล้อมรอบตัวมากมายทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต เพื่อนๆสมาชิกอาเซียนมีอะไรบ้างฯลฯ /สิ่งต่างๆรอบตัว ฉันเดินทางไปที่ต่างๆทั้งในประเทศและนอกประเทศได้ โดยทางเรือ เครื่องบิน รถไฟ และเรียนรู้แผนที่ในการเดินทางไปยังประเทศอาเซียนได้ ฯลฯ จากสาระที่กล่าวมาทั้งหมด สามารถบูรณาการในกิจกรรมหลักตามตารางประจำวัน เช่น กิจกรรมเสริมประสบการณ์ เช่น เล่าเรื่องจากภาพ ให้เด็กเรียนรู้ตำแหน่งของประเทศ โดยดูจากลูกโลก แผนที่ จัดหนังสือภาพอาเซียนในมุมหนังสือ จัดป้ายนิเทศ กิจกรรมเกมการศึกษา จับคู่การแต่งกายกับบัตรคำประเทศ จับคู่ธงชาติ กับบัตรคำ หรือ คน กิจกรรมสร้างสรรค์ ประดิษฐ์ธงประจำชาติอาเซียน ระบายสีภาพดอกไม้ประจำชาติอาเซียน ปั้นดินน้ำมันทำแผนที่จำลองฯ กิจกรรมเสรีเล่นตามมุมแสดงบทบาทสมมติตามมุมอาเซียน เล่มในมุมหนังสือ เล่นสร้างประเทศสมาชิกอาเซียนจากไม้บล็อกฯ กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะแสดงท่าทางประกอบเพลงอาเซียน แสดงการร้องเล่นเต้นเลียนแบบการเต้นแต่ละประเทศฯ กิจกรรมกลางแจ้ง ลองเล่นกลางแจ้งแบบเด็กแต่ละประเทศในอาเซียน นอกเหนือจากกิจกรรมหลักแล้วครูสามารถพาเด็กปฐมวัยศึกษานอกสถานที่ ชมนิทรรศการเกี่ยวกับอาเซียน จัดกิจกรรมโครงการหรือโครงงาน อาเซียน ถ้าเด็กสนใจ ฯ
จากสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมไทยไปสู่สังคมอาเซียนในฐานะสมาชิกของอาเซียนประเทศหนึ่ง เด็กปฐมวัยของเราจะก้าวไปสู่พลเมืองอาเซียนที่มีคุณภาพได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับ ครู ผู้ปกครอง หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย ร่วมมือกันเล็งเห็นความสำคัญของการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยอย่างจริงจัง จากคำกล่าวที่ว่า ไทยจะเป็นผู้นำอาเซียน ก็คงเป็นไปได้ไม่ยาก


โดย ปากกาปฐมวัย



ความสุขที่ทุกคนก็มีได้

   ไม่ว่าจะรวยหรือจน คนเราทุกคนล้วนแล้วแต่มีปัญหาในชีวิตและคนที่ไม่มีปัญหาในีชีวิตคือคนตาย
   ความสุขของคนเรานั้นต่างกัน ความสุขที่ได้ออกท่องเที่ยว ความสุขที่ได้ช็อปปิ้ง ความสุขที่ได้อยู่บ้าน ความสุขที่ได้ไปกับ 2 ล้อคู่ใจ ความสุขที่ได้อ่านหนังสือ ความสุขที่มีเงิน ความสุขที่ได้เก็บเงิน หรือแม้กระทั้งความสุขที่ได้ใช้เงิน ความสุข ความสุข ความสุข และก็ความสุข สิ่งพวกนี้เป็นเพียงสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง และความสุขจริง ๆ ของเราเกิดมันคืออะไรกัน มันเกิดขึ้นได้ยังไง
   จากความคิดของตัวผมเองแล้วความสุขที่แท้จริงและมีได้ทุกเมื่อ ทุกที่ และทุกเวลา มันคือความสุขที่เกิดขึ้นภาพในจิตใจของเราเอง ถ้าว่าจากความสุขที่ได้จากสิ่งต่างที่ได้กล่าวข้างต้น มันคือส่วนประกอบที่ทำให้เรามีความสุข บางคนมีความสุขที่มีเงินเก็บ แต่บางคนกลับมีความสุขที่ได้ใช้เงิน สิ่งนี้มันเกิดจากความความคิด ความรู้สึกของเรา มันคือตัวกำหนดของความสุขที่เราสร้างขึ้น แต่เราถ้ารู้ว่าสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวเราทุกสิ่งมันคือส่วนประกอบของความสุขหล่ะ มันจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเรา
   ผมเลยได้เกิดความคิดดี ๆ ว่าใครทุกคนก็สามารถมีความสุขเหมือนผมได้ ผมเองก็ไม่ใช้ว่าตัวเองจะมีความสุขได้ทุกที่ทุกเวลาหรอกครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นคนอื่น ๆ อาจมองว่าผมเป็นคนบ้าก็ได้ อีกอย่างผมเอกก็คนคนธรรมดาทั่ว ๆ ไปที่มีทั้งความสุขและความทุก แต่จะเกิดอะไรหล่ะถ้าเราเอาความคิด ความรู้สึกที่ว่าความสุขสามารถสร้างได้จากสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวเรา เอามาใช้กับความทุกข์ที่เกิดขึ้นขณะนั้น ผมเองก็ได้มีบ่อย ๆ ครั้งในชีวิตที่ตัวเองมีความทุกข์กับสิ่งต่าง ๆ จนแทบจะทรไม่ไหว แต่พอตัวผมเริ่มมีสติกับตัวเองแล้วผมก็คิดได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวผมมันคือสิ่งที่ทำให้เรามีความทุกข์ ผมก็ได้คิดว่ามันไม่ใช้ความทุกข์ที่แท้จริงมันคือความคิดที่ทำให้เราสร้างให้มันเกิดความทุกข์ผมก็เปลี่ยนความคิดใหม่หลังจากมีสติแล้ว ผมก็ยอมรับมันด้วยความจริงใจและมันคือส่วนหนึ่งของชีวิตเราแล้วผมก็ปล่อยมันผ่านไป ไม่เก็บมันไว้กับตัวเอง อีกทั้งยังประกอบด้วยผมเองมีสองสิ่งที่เชื่ออยู่เสมอ คือ ทุกสิ่งมีสองด้านเสมอ เมื่อเรามีทุกข์ก็ต้องมีสุข คนเราไม่มีความสุขตลอดไปหรอก และไม่มีความทุกข์ตลอดไป แต่ที่สำคัญมันอยู่ที่เราจะรับมือกับมันยังไงหล่ะ และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมได้เชื่ออย่างใจจริงเลยว่า ทุกปัญหามีทางแก้ มันจึงทำให้ตัวผมเองขจัดความทุกข์ออกจากตัวเองได้ และไม่เก็บมันไว้กับตัวเรานาน
   แน่นอนครับในด้านของความทุกข์ที่เราใช้ความคิด ความรู้สึกจากข้างในเราจัดการมันได้ และถ้าเราเองได้เอามาใช้กับเรื่องความสุขหล่ะ อย่างตัวผมเองก็สามารถทำให้ตัวเองมีความสุขทุกที่จากสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเอง อาจมีความสุขที่มากบ้างน้อยบ้าง และสิ่งที่แน่นอนเลยว่าผมเองก็ไม่สามารถมีความสุขทุกที่เสมอไปหรอก เพราะผมเองก็คือคนธรรมดาคนหนึ่ง สุดท้ายแล้วชีวิตคนเรามันก็มีแค่นี้ปลายทางก็คือความตายเหมือนกัน แต่เราจะใช้ชีวิตยังไงหล่ะ อยู่ที่เราจะเลือกใช้มัน และรับมือกับมันยังไง


ความสุขอยู่ที่ใจใช่ค้นหา ขอให้ทุกคนมีความสุขในชีวิตมาก ๆ นะครับ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย